"ในวันไกลห่าง"


"ในวันไกลห่าง"


"...อย่ากลับคืนคำเมื่อเธอย้ำสัญญา อย่าเปลี่ยนวาจาเมื่อเวลาแปรเปลี่ยนไป

ให้เธอหมายมั่นคงแล้วอย่าหลงไปเชื่อใคร เดินทางไปอย่าหวั่นไหวใครขวางกั้น
มีดวงตะวันส่องเป็นแสงสีทอง กระจ่างครรลองให้ใฝ่ปองและสร้างสรรค์
เมื่อดอกไม้แย้มบานให้คนหาญสู้ไม่หวั่น คือรางวัลแด่ความฝันอันยิ่งใหญ่ให้เธอ"


..เสียงเพลง "รางวัลแด่คนช่างฝัน" ของจรัล มโนเพชร ส่งเสียงแว่วมามาจากวิทยุทรานซิสเตอร์เครื่องใหม่เอี่ยมยี่ห้อดังของลุงเมฆ ที่ซื้อมาจากตลาดนัดในตัวอำเภอ เขาตั้งใจเปิดอย่างสุดเสียงเพื่ออวดคนรอบ ๆ บ้านให้ได้ยินถึงความอลังการของมัน โดยมีการดำเนินรายการของผู้จัดรายการวิทยุมอบให้มิตรรักแฟนเพลงตามคำขอ ผสานแข่งกับบรรดาเหล่าเจ้าโต้ง ไก่หนุ่มผู้ที่โก่งคอตะเบ็งกึกก้องสนั่นปานฟ้ารั่วอย่างเต็มที่ เพื่อต้องการแสดงให้ไก่สาวแถว ๆ นั้นรู้ว่ามันมีพลังเหลือเฟือ สามารถเป็นพ่อของลูกเจี๊ยบได้ในอนาคต อีกทั้งยังเป็นสัญญาณบอกกับชาวโลกว่า "เช้าแล้วนะ" เสมือนนักมวยฝ่ายแดงกับฝ่ายน้ำเงินขึ้นสังเวียน พร้อมที่จะแลกหมัดแทงเข่าแข่งพจนวาจากันว่าใครจะเป็นที่หนึ่งในยุทธภพ ชนิดที่ไม่มีใครยอมใครในยามรุ่งทิวานี้...

"เพ็ญ ๆ" เสียงตะโกนเรียกของศักดิ์มาแต่ไกลในรุ่งอรุณที่เห็นเพ็ญกำลังเก็บของ วันนี้ศักดิ์ไม่ได้ไปโรงเรียนเนื่องจากเป็นวันเสาร์...

"เพ็ญจะไปวันนี้กา ขึ้นรถกี่โมง" ศักดิ์ถามเนื่องจากทราบข่าวจากอุ้ยมีว่า วันนี้เพ็ญจะขึ้นรถไปทำงานที่กรุงเทพ เธอกำลังเก็บของใส่ในกระเป๋าเดินทางที่มีทั้งเสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัว มีลังกระดาษที่มีพวกอาหารแห้งทั้งข้าวสาร แคบหมู ปลาแห้ง หอมแดงพริกแห้ง ถั่วเน่า ปลาร้า ที่พอจะประทังชีวิตในช่วงแรก ๆ สำหรับการผจญภัยในเมืองบางกอก

"อืม...อุ้ยมี ไปขอหื้อตุ๊ลุงผ่อวันดีเมื่อติ๊ดก่อน ตุ๊ลุงว่าไปวันนี้จะโจ๊กดี ขึ้นรถที่ปากตาง 5 โมงแลง"

เพ็ญตอบคำถามศักดิ์ว่าอุ้ยมีไปปรึกษาหลวงลุงเจ้าอาวาสที่วัดเมื่ออาทิตย์ก่อน ท่านบอกว่าเดินทางวันนี้จะโชคดีและจะขึ้นรถในเวลา 17.00 นาฬิกา...

"บ่เอาตรีไปเลี้ยงตวยกา" ศักดิ์หมายถึงมนตรีลูกชายของเพ็ญที่อายุ 2 ขวบครึ่งกำลังอยู่ในวัยน่ารักน่าชัง

"บ่เอาไปตวย จะหื้ออุ้ยมีกับปี้แสงเดือน จ่วยกั๋นเลี้ยง" เพ็ญไม่มีเวลาที่จะดูแลมนตรีเนื่องจากการไปกรุงเทพครั้งนี้ ตั้งใจไปทำงานและจะส่งเงินมาให้กับแม่และพี่แสงเดือนพี่สาวแท้ ๆ ของเพ็ญที่แขนหักและยังไม่เป็นปกติเนื่องจากตกมอเตอร์ไซค์ตอนไปรับจ้างขนผักให้กับป้าบัวศรีเมื่อสองเดือนก่อน

ด้วยความจำเป็นที่ต้องไกลห่างจากบ้าน เพื่อไปเผชิญโชคที่เมืองหลวงในครั้งนี้ เพ็ญไม่ได้ไปคนเดียว แต่ยังมีพวกหนุ่ม ๆ สาว ๆ ในหมู่บ้านอีก คือ สมรักษ์ ขจร เอื้อง สา และหน้อยสม ทั้งหมดรวมเป็น 6 ชีวิต เพราะทนอยู่กับสภาพความยากจน ความแห้งแล้งที่หมู่บ้านไม่ไหว สู้ไปตายเอาดาบหน้า หาเงินส่งมาให้ทางบ้านดีกว่า 

โดยก่อนจะไป 2 ถึง 3 วัน ชาวบ้านที่ทราบข่าวก็จะแวะมาหาที่บ้าน บางคนก็ฝากของกินของใช้ให้พวกของแห้ง เช่น พริกป่น กระเทียม เกลือ บางคนไม่มีอะไรมาให้ก็แวะมาผูกข้อมืออวยพรให้โชคดี มีเงินเยอะ ๆ .....

16.00 น.ของเย็นวันนั้น เพ็ญพร้อมกับเพื่อน ๆ ด้วยกันอีก 5 คนที่ต่างก็เก็บสัมภาระข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ เตรียมที่จะขึ้นรถโดยสารจากเชียงรายไปกรุงเทพในเวลาอีก 1 ชั่วโมงข้างหน้า

วันนี้เพ็ญแต่งตัวสวยกว่าทุก ๆ วัน ห่อหุ้มด้วยเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีแดงลายดอก ที่ซื้อมาจากพ่อค้าเร่ในงานปอยหลวง ฉลองกำแพงวัดสันนา เมื่อต้นเดือนมีนาคม กางเกงยีนส์ทรงสตรีที่รัดเข้ารูปกับช่วงขาอย่างสมส่วน กับรองเท้าส้นสูงสีน้ำตาลที่ซื้อด้วยน้ำพักน้ำแรงจากการรับจ้างเกี้ยวข้าวเมื่อปีที่แล้ว.....

เมื่อพ่อหลวงถาผู้ใหญ่บ้านทราบข่าว จึงชวนผู้ช่วยชัยไปที่บ้านเพ็ญ พร้อมด้วยอุ้ยมี พี่แสงเดือน และศักดิ์ที่กระเตงอุ้มมนตรี พร้อมด้วยญาติ ๆ เพื่อน ๆ ของคณะที่จะเดินทางไปแสวงโชคที่กรุงเทพเมืองศิวิไลซ์ เดินเท้าไปส่งขึ้นรถที่ปากทางหมู่บ้าน พอทุกคนไปถึงปากทางรถจะผ่านนั้น พ่อหลวงถา ควักเงินที่มีธนบัตรหลาย ๆ ใบ หลากหลายสีบรรจุซ้อนทับกันอย่างเป็นระเบียบในกระเป๋าสตางค์ เป็นกำลังใจกับทุกคน คนละ 20 บาท เอาไปไว้ซื้ออะไรกินในระหว่างทาง พร้อมทั้งอวยพรขอให้ทุกคนโชคดี ตั้งใจทำงานเก็บเงิน ให้รักกันไว้ มีอะไรให้ช่วยเหลือกัน อย่าหลงเชื่อคนอื่น อย่าให้คนกรุงเทพหลอกลวง มีข่าวอะไรก็ให้เขียนจดหมายมา โดยรับปากว่าจะดูแลทุกครอบครัวให้ดีที่สุด

พ็ญพร้อมทั้งสมรักษ์ ขจร เอื้อง สา และหน้อยสม ซาบซึ้งน้ำใจของผู้นำชุมชนและเพื่อนบ้านทุก ๆ คนที่มาส่งเป็นอย่างมาก ก่อนจะแยกย้ายกัน เพ็ญบอกผู้ใหญ่บ้านว่า "หากที่กรุงเทพงานดี จะมาชวนคนในหมู่บ้านไปทำด้วยกัน และถ้าวันไหนกลับมาจะมาเลี้ยงเสี้ยวบ้าน (สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำหมู่บ้าน)"

"อุ้ยมี ปี่แสงเดือน" เพ็ญเรียกอุ้ยมี และพี่สาวอย่างเบา ๆ ที่ยังไม่เดินห่างไปไกลนัก พร้อมทั้งล้วงกระเป๋ากางเกงยีนส์มีเงินห่อในผ้าเช็ดหน้าที่เธอได้ไปรับจ้างตัดกะหล่ำดอกเมื่ออาทิตย์ก่อนใส่มืออุ้ยมีผู้เป็นมารดา 100 บาท เธอเข้าสวมกอดอุ้ยมีและพี่สาว และหอมแก้มมนตรีเป็นการจากลา แล้วไม่ลืมบอกศักดิ์ให้ไปช่วยเลี้ยงน้องด้วย


"ฝากผ่ออ้ายตรีตวยเน้อแม่ ถ้าเก็บตังได้นักเมื่อใด เฮาจะปิ๊กมาอยู่บ้าน"

อุ้ยมีพยักหน้าเข้าใจในคำพูดของลูกสาวคนเล็กอย่างเพ็ญ และทุกคนก็จากกันในนาทีนั้นเอง ปล่อยให้นาทีแห่งความเงียบทำหน้าที่ของมันอย่างสงบ...

สักพักหนึ่งก็มีรถคันใหญ่ สีขาวลายฟ้า สูงมาก มีสองชั้น ล่องมาจากทางเหนือ โดยชั้นบนเป็นผู้โดยสาร ส่วนชั้นล่างไว้เก็บของ เมื่อวิ่งมาถึงที่ปากทางหมู่บ้านทุกคนก็ยกของขึ้นรถ โดยมีพนักงานหนุ่มอายุราว ๆ 24 - 25 ปีหน้าตาดี แต่งตัวสะอาด ทรงผมหวีเรียบมันเป็นทาง จากการใส่น้ำมันแต่งผม สวมชุดสีขาว กางเกงขายาวสีกรมท่า ผูกเนกไท รองเท้าขัดมัน คอยยกของจัดของใส่ในใต้ท้องรถให้เป็นระเบียบ เมื่อจัดแจงพวกสัมภาระเสร็จ ทั้ง 6 คนเดินหาที่นั่งตามหมายเลขที่ปรากฏอยู่ในตั๋วรถ คำนวณจากสายตาแล้วรถโดยสารคันนี้มีประมาณ เกือบ ๆ 40 ที่นั่งเห็นจะได้

เบ๊าะที่นั่งเป็นแถวแถวละ 3 ที่นั่ง มีช่องเดินตรงกลาง ข้างบนศีรษะมีชั้นวางของ สามารถเก็บกระเป๋าสัมภาระหรือของใช้เล็ก ๆ ได้ โดยเพ็ญนั่งกับเอื้องและสา ส่วนกลุ่มผู้ชายคือ หน้อยสม สมรักษ์ ขจร นั่งด้วยกัน

พ็ญมองกระจกข้างที่นั่ง ขณะที่รถกำลังแล่นห่างออกไปจากหมู่บ้านเรื่อย ๆ พลันนั้นน้ำตาแห่งความอาลัยและการลาจากก็ไหลลงอาบแก้มสีชมพูระเรี้ยทั้งสองข้าง จนไม่กล้าสบตาเอื้องและสา เธอทนความรู้สึกนั้นไม่ไหวจึงรีบดึงผ้าม่านปิดกระจกและหลับตาลงเบา ๆ ปล่อยให้รถเคลื่อนไปตามหนทางข้างหน้า...

เธอคิดในใจว่า

"ไม่ว่าที่กรุงเทพจะเป็นอย่างไร จะตั้งใจทำงาน เก็บเงินส่งมาให้อุ้ยมี พี่แสงเดือน และมนตรีได้อยู่สุขสบาย"

ความคิดถึงทางบ้านยังไม่ลาจากของคณะหนุ่มสาวผู้ที่จำต้องไกลห่าง หนีความยากจนจากบ้านนอก ไปทำงานหาเงินเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตที่เมืองหลวง ก็มีเสียงเพลงจากใครสักคนในรถ คงจะเป็นหนุ่มพนักงานบริการหน้าตาดีคนนั้น เปิดวิทยุขับกล่อมผู้โดยสารทำนองช้า ๆ ...ตึ่ง ตึ้ง ตึ่ง ตึง ตึง ตึง ตึง ตึ้ง ตึ๊ง ตึ้ง ตึ่ง ตึง...

"อย่ากลับคืนคำเมื่อเธอย้ำสัญญา

อย่าเปลี่ยนวาจาเมื่อเวลาแปรเปลี่ยนไป

ให้เธอหมายมั่นคงแล้วอย่าหลงไปเชื่อใคร

เดินทางไปอย่าหวั่นไหวใครขวางกั้น

มีดวงตะวันส่องเป็นแสงสีทอง

กระจ่างครรลองให้ใฝ่ปองและสร้างสรรค์

เมื่อดอกไม้แย้มบานให้คนหาญสู้ไม่หวั่น


คือรางวัลแด่ความฝันอันยิ่งใหญ่ให้เธอ"

"กฤดาการ"

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

เสียงก้องกังวาน ในห้วงฤทัย

"ปาฏิหาริย์ไม่มีจริง"

เส้นทางสายผ้าเหลือง